กรุงเทพฯ ประเทศไทย 15 มกราคม 2567 – Xiaomi ประเทศไทย ประกาศวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ‘Redmi Note 13 Series’ อย่างเป็นทางการ 3 รุ่น ได้แก่ Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 พร้อมผลิตภัณฑ์ AIoT อีก 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ นาฬิกาอัจฉริยะ Redmi Watch 4, หูฟัง Redmi Buds 5 Pro และ Redmi Buds 5
Redmi Note 13 Series ให้คุณถ่ายภาพได้อย่างโดดเด่นในทุกช็อตด้วยระบบกล้องที่ได้รับการอัปเกรด
Redmi Note 13 Series ถูกออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพที่โดดเด่น โดยมีระบบกล้องที่ได้รับการอัปเกรด ซึ่ง Redmi Note 13 Pro+ 5G ให้กล้องหลักความละเอียดสูง 200MP ทั้งยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูงและมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับเรือธง และมีการซูมแบบไม่สูญเสียคุณภาพ 2x/4x ยังให้คงไว้ซึ่งรายละเอียดในภาพระยะใกล้ (closed-ups) แม้จะถ่ายจากระยะไกล
นอกจากนี้ ยังมีระบบกล้องอันยอดเยี่ยมนี้มาจากการรองรับของเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.4″ และการประมวลผลภาพที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพของภาพแม้ในสภาพที่แสงมีความซับซ้อนและแสงน้อย การผสมผสานของเซ็นเซอร์นี้มาจากรูรับแสง f/1.65 ขนาดใหญ่ และพิกเซล Tetra2pixel (เทคโนโลยี Pixel-binning ขั้นสูง) จะช่วยทำให้ภาพถ่ายนั้นคมชัดแม้ในที่ที่มีแสงน้อย ในขณะที่เลนส์ 7P (7P lens) พร้อม Atomic Layer Deposition (ALD) จะช่วยลดแสงแฟลร์และภาพซ้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่รุ่น Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 มาพร้อมกับกล้องหลักความละเอียด 108MP พร้อมการซูมแบบไม่สูญเสียคุณภาพ 3x เพื่อให้ได้ภาพอันน่าทึ่งที่เก็บทุกรายละเอียด นอกจากนี้สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับฟิลเตอร์กล้องฟิล์ม (film camera filters) ให้เลือกมากมายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพถ่ายตามที่ต้องการได้คำพูดจาก 13รับ100 เว็บแท้ สล็อตเว็บตรง
ระบบกล้องสามตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักความละเอียด 200MP หรือ 108MP, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP, กล้องมาโคร 2MP และกล้องเซลฟี่ 16MP ทั้งหมดนี้มาจากการรองรับของ Xiaomi Imaging Engine ซึ่งโดยภาพรวมแล้วส่วนประกอบต่างๆ พร้อมกับระบบการประมวลภาพเทคโนโลยี Computational Photography และระบบการประมวลผลภาพที่ทรงประสิทธิภาพ ทำให้ Redmi Note 13 Series เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากจะถ่ายภาพอันน่าทึ่งในทุกสถานการณ์
Redmi Note 13 Series ให้คุณรับชมคอนเทนต์สุดคมชัดไปกับหน้าจอแสดงผลและอัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz
Redmi Note 13 Series มาพร้อมความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและโฉบเฉี่ยวพร้อมขอบจออันบางเฉียบเพื่อรูปลักษณ์ระดับพรีเมียม เสริมด้วยหน้าจอแสดงผลคุณภาพสูงเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นและการรับชมที่ดื่มด่ำมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน โดย Redmi Note 13 Pro+ 5G มอบการรับชมที่คมชัดด้วยจอหน้าแสดงผล แบบ AMOLED ความละเอียด 1.5K และความสว่างสูงสุด 1800nits ในขณะที่ Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED FHD+
Redmi Note 13 Series ทุกรุ่นมาพร้อมกับการเลื่อนหน้าจอ (scrolling) ที่ราบรื่นและไม่ล่าช้าด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz ที่จะมอบประสบการณ์การรับชมที่ลื่นไหล ชัดเจน และเพลิดเพลินยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณในระหว่างการรับชมติดต่อกันเป็นเวลานาน ด้วยการรับรองรับจาก TÜV Rheinland ในเรื่องแสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free) การเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly) และยังมีและมีฟีเจอร์ปกป้องดวงตาอื่นๆ อีกเช่น โหมดการอ่าน นอกจากนี้แล้วยังมีการอัปเกรดอื่นๆ ได้แก่ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเป็นครั้งแรกในซีรีส์นี้1
Redmi Note 13 Series ให้คุณใช้งานได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้นด้วยความทนทานเหนือระดับ
Redmi Note 13 Series มีการอัปเกรดด้านวิศวกรรมและการออกแบบ เพื่อให้ตัวอุปกรณ์มีความทนทานและแข็งแกร่งเพื่อคุณมั่นใจในการใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ โดย Redmi Note 13 Pro+ 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่ใช้ Corning® Gorilla® Glass Victus® เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการตกหล่นและรอยขีดข่วน และมีมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและกันน้ำกระเซ็นระดับ IP682ในขณะที่ Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 นั้น ได้รับการปรับปรุงหน้าจอแสดงผลเพื่อการตอบสนองและความแม่นยำในการป้อนข้อมูลแบบสัมผัสที่ดีขึ้น ทั้งยังมีมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและน้ำกระเซ็นระดับ IP543ที่ยกระดับขึ้นมาเช่นกัน
Redmi Note 13 Series ให้ประสิทธิภาพการทำงานชั้นเลิศด้วยหน่วยประมวลผลที่ได้รับการอัปเกรด
Redmi Note 13 Series มีประสิทธิภาพสูงซึ่งมาพร้อมกับสุดยอดคุณสมบัติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบประมวลผลอันทรงพลังและแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน โดยสมาร์ทโฟนทุกรุ่นจะมาพร้อมกับที่ชาร์จในกล่อง4เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
Redmi Note 13 Pro+ 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7200-Ultra มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh5และระบบไฮเปอร์ชาร์จ 120W ซึ่งสามารถชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลาเพียง 19 นาที6
ในขณะที่ Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 ให้แบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน5และขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตอันทรงพลัง
Redmi Note 13 Series พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13
Redmi Note 13 Pro+ 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Moonlight White และ Aurora Purple พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 16 – 26 มกราคม 2567 โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
- Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 13,990 บาท
พิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 16 – 26 มกราคม 2567 รับฟรี! ประกันหน้าจอ 6 เดือน พร้อมอัปเกรดความจุเป็น 12GB+512GB และ Redmi Note 13 Series Giftbox รวมมูลค่าของสมนาคุณทั้งสิ้น 9,280 บาท16
- Redmi Note 13 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 15,990 บาท
Redmi Note 13 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Graphite Black, Ocean Teal และ Arctic White โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 13 5G ในระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2567 รับฟรี Portable Bluetooth Speaker มูลค่า 690 บาท16
- Redmi Note 13 5G รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 7,999 บาท
- Redmi Note 13 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท
Redmi Note 13 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Mint Green และ Ocean Sunset โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 13 ในระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2567 รับฟรี Portable Bluetooth Speaker มูลค่า 690 บาท16
- Redmi Note 13 รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 6,999 บาท
Redmi Watch 4 นาฬิกาอัจฉริยะที่ทำให้คุณหลงรักมากยิ่งขึ้นด้วยฟีเจอร์มากมาย
Redmi Watch 4 มีหน้าจอแสดงผล AMOLED สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ 1.97 นิ้ว เพื่อประสบการณ์การใช้สมาร์ทวอทช์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น โดย Redmi Watch 4 ยังได้รับการออกแบบมาอย่างอันประณีตโดยกรอบตรงกลางนั้นทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ (aluminum alloy middle frame) รวมถึงเป็นสมาร์ทวอทช์จาก Redmi รุ่นแรกที่มีเม็ดมะยมสเตนเลสสตีลหมุนแบบ OTS ที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ Redmi Watch 4 ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ PPG 4 ช่อง ที่ได้รับการอัปเกรดเพื่อความแม่นยำที่ดีขึ้นเพื่อการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ7และการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด8ทั้งนี้ ยังมีตัวเลือกในโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด และมีฟีเจอร์ชั้นนำมากมายที่ถูกใส่มาในอุปกรณ์ เช่น การโทรสนทนาผ่าน Bluetooth®9ที่ให้ผู้ใช้รับสายเพียงยกมือแล้วแตะเท่านั้น Redmi Watch 4 มีให้เลือก 2 กรอบสี ได้แก่ Silver Grey และ Obsidian Black พร้อมสายรัดข้อมือที่เข้ากัน และยังมีตัวเลือกสายรัดข้อมือที่หาซื้อเพิ่มเติมได้อีก 3 สี คือ Pastel Purple, Dark Cyan และ Mint Green10
Redmi Watch 4 พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ในราคา 3,690 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
Redmi Buds 5 Pro หูฟังที่มอบ ANC อันเหนือระดับและเสียงที่สมจริง
Redmi Buds 5 Pro มอบประสบการณ์การรับฟังเสียงที่สมจริงมากยิ่งขึ้นโดยตัวอุปกรณ์มาพร้อมเอียร์บัดที่รองรับ LDAC11ซึ่งเป็นตัวแปลงสัญญาณ Bluetooth® ชั้นนำสำหรับการเชื่อมต่อเอียร์บัดไร้สาย นอกจากนี้ยังสามารถตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟสูงสุด 52dB (ANC)12และมีตัวเลือกโหมด ANC 3 โหมด, โหมดการปรับ AI และโหมดการฟังเสียงภายนอก (Transparency mode) อีก 3 โหมดซึ่งให้ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างโหมดต่างๆ ได้อย่างอัจฉริยะเพื่อประสบการณ์การฟังที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นในหลากหลายสถานการณ์13ทั้งนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งประสบการณ์เสียงของตนเองด้วยโปรไฟล์ EQ ที่แตกต่างกันห้าโปรไฟล์ ได้อีกด้วย
Redmi Buds 5 Pro รองรับการฟังต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมง และการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด 38 ชั่วโมงเมื่อจับคู่กับเคสที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์14(ergonomic case) Redmi Buds 5 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Moonlight White และ Aurora Purple
Redmi Buds 5 Pro พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ในราคา 2,690 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
Redmi Buds 5 ช่วยยกระดับประสบการณ์การฟังของคุณ
Redmi Buds 5 ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การรับฟังที่ดียิ่งขึ้น โดยมี ANC ที่สูงถึง 46dB พร้อมโหมด 3 โหมดที่ครอบคลุมการตัดเสียงรบกวนรอบข้างที่หลากหลาย นอกจากนี้โหมดการฟังเสียงภายนอก (Transparency mode) 3 โหมด15ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้ยินสิ่งที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้นและตัดเสียงรบกวนที่พวกเขาไม่ต้องการให้น้อยลง โดย Redmi Buds 5 รองรับการฟังต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมง และการใช้งานสูงสุด 40 ชั่วโมงเมื่อใช้คู่กับเคสชาร์จ14โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Sky Blue
Redmi Buds 5 พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ในราคา 1,590 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
สามารถชมภาพเพิ่มเติมได้ที่:Sales poster,Redmi Note 13 Series,Redmi Watch 4,Redmi Buds 5 Series
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (One-pager):Redmi Note 13 Series,Redmi Watch 4,Redmi Buds 5 Series
หมายเหตุ
1 เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือบนหน้าจอ (in-screen fingerprint sensor) มีบนสมาร์ทโฟน Redmi Note 13 Pro+ 5G, Redmi Note 13 Pro 5G, Redmi Note 13 Pro และ Redmi Note 13
2 อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน IP68 ผ่านการทดสอบว่ามีความทนทานต่อฝุ่นและน้ำภายใต้สภาวะของห้องปฏิบัติการเฉพาะที่อาจไม่เหมือนกับการใช้งานปกติ, การรับประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากของเหลวตามเงื่อนไขอื่นนอกเหนือจากเงื่อนไขการทดสอบ, สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi
3 อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน IP54 ผ่านการทดสอบว่ามีความทนทานต่อฝุ่นและน้ำกระเซ็นภายใต้สภาวะของห้องปฏิบัติการเฉพาะที่อาจไม่เหมือนกับการใช้งานปกติ, การรับประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากของเหลวตามเงื่อนไขอื่นนอกเหนือจากเงื่อนไขการทดสอบ, สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi
4 ความพร้อมของที่ชาร์จในกล่องอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ
5 ค่า mAh หมายถึงค่าทั่วไปของความจุแบตเตอรี่
6 ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการภายในของ Xiaomi , ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไป
7 หลังจากที่เปิดอุปกรณ์เพื่อตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน อุปกรณ์จะทำการตรวจวัดที่ความถี่คงที่ในระหว่างวัน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความถี่และหลักการในการตรวจสอบ โปรดดูคำอธิบายในแอป
8 ผลิตภัณฑ์นี้และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์และไม่ได้ใช้เพื่อทำนาย วินิจฉัย ป้องกัน หรือรักษาโรคแต่อย่างใด
9 นาฬิกาจะต้องเชื่อมต่อกับ Bluetooth® ของสมาร์ทโฟนตลอดเวลา ขณะนี้ยังไม่รองรับการโทรด้วยเสียงจากแอปของบุคคลที่สาม
10 สีของสายรัดนอกกล่องออกอาจแตกต่างกันไปตามตลาดที่แตกต่างกัน
11 ทำการตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้งาน LDAC บนสมาร์ทโฟน AndroidTM OS ที่รองรับโดยเลือกบิตเรตที่ถูกต้องและปิดเสียง(immersive) การใช้ตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC และเสียงที่สมจริง (immersive) นั้นแยกจากกัน
12 ข้อมูลการทดสอบการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟจัดทำโดย National Institute of Metrology ประเทศจีน, ผลิตภัณฑ์เข้าถึงความลึก ANC 52dB ภายในช่วงความถี่หนึ่งๆ และ 4kHz ที่ช่วงความลึกเฉพาะแต่ไม่พร้อมกัน, การทดสอบจะดำเนินการแยกกันผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปตามการใช้งาน
13 การตั้งค่า ANC และโหมด Transparency มีเฉพาะในแอป Xiaomi Earbuds เท่านั้น
14 ระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 100% การปรับระดับเสียงของเอียร์บัดอยู่ที่ 50% โหมดการเข้ารหัส Bluetooth คือ AAC และปิดฟีเจอร์ ANC โหมด Transparency และเสียงที่สมจริง (immersive) การทดสอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ดำเนินการโดยผู้ผลิต ทดสอบข้อมูลตามการจำลองสถานการณ์ในชีวิตจริง ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ เงื่อนไขการใช้งาน ระดับการชาร์จ และปัจจัยรอบข้าง
15 ข้อมูลการทดสอบเชิงลึกในการตัดเสียงรบกวนจาก National Institute of Metrology ประเทศจีนผลิตภัณฑ์มีความลึก ANC 46dB ในช่วงความถี่ที่กำหนดเท่านั้น ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันไปตามการใช้งาน
16 ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
เกี่ยวกับ Xiaomi
Xiaomi ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 (1810.HK) Xiaomi เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก
ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็น “มิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” Xiaomi จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้
Xiaomi คือหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ในเดือนกันยายน 2566 MAU ของ MIUI นั้นสูงถึงประมาณ 623 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ Xiaomi ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT (AI+IoT) ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มกว่า 699 ล้านเครื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 โดยยังไม่รวมสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2566 Xiaomi ยังติดอันดับใน Fortune Global 500 นับเป็นการติดอันดับครั้งที่ห้าติดต่อกัน ในอันดับที่ 360
Xiaomi เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index, Hang Seng TECH Index และ Hang Seng China 50 Index.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับXiaomi สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.mi.com/global/discover/newsroom
Redmi Redmi Note 13 Series Xiaomi